วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Pramool and E-Bay

รู้จักกับ eBay



อีเบย์เริ่มจากการเป็น Free Market หรือ ตลาดนัดขายของเก่าของวงการอินเทอร์เน็ต ที่อาศัยการผสมผสานกันอย่างลงตัวของ ทฤษฎีทุนนิยม หลักจิตวิทยา พฤติกรรมมนุษย์ และ การพัฒนาของเทคโนโลยี เป็นบันไดไปสู่ความสำเร็จ จนสามารถเคลมว่าตัวเองเป็น “King of eCommerce” หรือ ธุรกิจแฟรนไชส์อีคอมเมิร์ซที่ทรงคุณค่าที่สุดในโลกในยุคนี้
หากมองในมุมของผู้ซื้อ อีเบย์เป็นร้านค้าออนไลน์ที่มั่นใจได้ว่าจะสามารถหาของที่ตนเองต้องการได้เสมอไม่ว่ามันคืออะไร แม้ว่าจะไม่เคยใช้งานและไม่รู้จักใครเลยในแวดวงอีเบย์มาก่อน ขณะที่มิติของผู้ขาย อีเบย์ คือ แหล่งรวมลูกค้าชั้นดีจากทั่วโลก ที่พร้อมจะซื้อ ที่สำคัญมีกำลังพร้อมจ่ายสูงขึ้นเรื่อยๆ เพียงเพื่อชัยชนะแห่งการได้สินค้านั้นๆ มาครอง
กุญแจแห่งความสำเร็จของอีเบย์อยู่ที่การดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของการประยุกต์หลักการตลาดในอุดมคติ ของ Adam Smith ซึ่งใช้พฤติกรรมมนุษย์เป็นเครื่องมือนำตลาดให้เปลี่ยนแปลงตามการเพิ่มขึ้นและลดลงของ อุปสงค์ และ อุปทาน นำมาใช้กับเทคโนโลยี eMarketplace บนอินเทอร์เน็ตได้อย่างชาญฉลาด ทำให้เกิดเป็นพื้นที่กลางในการติดต่อซื้อขายขึ้นสำหรับลูกค้าทั่วโลก ซึ่งอีเบย์สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เต็มที่ได้อย่างไม่มีสิ้นสุด โดยทีมงานไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับขั้นตอนการซื้อขาย การจัดการคลังสินค้า การจัดส่ง หรือรับผิดชอบความพึงพอใจของผู้ซื้อและผู้ขายแต่อย่างใด
หน้าที่ของอีเบย์จึงมีแค่ดูแลความเรียบร้อยของพื้นที่ อำนวยความสะดวก และเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็น แล้วนำไปปรับปรุงพัฒนาให้ดีและรวดเร็วที่สุดเท่านั้น ซึ่งอีเบย์ก็สามารถทำหน้าที่นั้นได้ดีทีเดียว จากตลาดออนไลน์เล็กๆ บนอินเทอร์เน็ตอีเบย์สามารถพัฒนาไปสู่การเป็น eMarketplace ที่มีขนาดใหญ่ และ มีจำนวนสินค้ามากที่สุดในโลกได้ในเวลาไม่นาน แถมยังครองรักษาตำแหน่งแชมป์เว็บประมูลยอดนิยมระดับโลกได้ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา
eBay Timeline
ประเทศสหรัฐอเมริกา
วันแรงงาน เดือนกันยายน 1995
อีเบย์ออนไลน์อย่างเป็นทางการครั้งแรกในนาม AuctionWeb โดยการริเริ่มของ Pierre Omidyar ซึ่งเขียนโปรแกรมขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อแลกเปลี่ยนและซื้อขายหลอดใส่ลูกอม Pez ของสะสมของแฟนสาว Pam Wesley ในเวลานั้นยังเป็นโปรแกรมที่มีหน้าตาเป็นสีขาว- ดำอยู่ และเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ของบริษัทเล็กๆชื่อ Echo Bay Technology Group ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเทคโนโลยีซึ่ง Pierre เป็นเจ้าของ สินค้าที่ Pierre ประเดิมขายเป็นชิ้นแรก คือ เครื่องชี้เลเซอร์ที่เสียแล้วของเขาในราคา $14

ฤดูใบไม้ร่วง
1995

Pierre เปิด Online Bulletin Board ขึ้นเพื่อติดต่อแลกเปลี่ยนคำถามและคำแนะนำระหว่างผู้ใช้ในขณะนั้น ซึ่งพัฒนามาเป็น eBay Community ในเวลาต่อมา

กุมภาพันธ์
1996

Pierre คิดค้นระบบ Feedback Rating ขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับการประเมินความน่าเชื่อถือของสมาชิกเว็บแต่ละคน ซึ่งมีผู้ใช้จำนวนมากโพสต์เข้ามาสอบถาม แม้ว่าในระยะเริ่มแรกนี้การปรับปรุงพัฒนา AuctionWeb จะยังคงขึ้นอยู่กับ Pierre เป็นหลัก แต่เขาเองก็กล่าวว่าที่มาของฟังก์ชั่นสำคัญหลายๆ อย่างนั้นได้มาจากไอเดียของผู้ใช้ เช่นจากบรรดาอีเมล์ และ ความคิดเห็นมากมาย ที่ผู้ใช้ส่งเข้ามา ซึ่ง Pierre จะตอบในเวลากลางวัน และ นำไอเดียต่างๆ มาแก้ไขเว็บในเวลากลางคืน

กันยายน
1996

อีเบย์ครบขวบปีแรกพร้อมยอดขาย 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมทีมงานจำนวน 20 คน

1997

Pierre จดทะเบียน AuctionWeb ในนามของ eBay.com อย่างเป็นทางการ ตอนแรกเขาตั้งใจจะใช้ชื่อ EchoBay.com ตามชื่อบริษัทเล็กๆ ของเขา แต่โชคดีที่ชื่อนั้นมีเจ้าของแล้ว จึงลงเอยกับชื่อ eBay แทน และนั่นก็คือที่มาของชื่อเสียงเรียงนามธุรกิจดอทคอมอันมีมูลค่ามหาศาลในปัจจุบัน
ในปีนี้อีเบย์เริ่มขยับขยาย และมองหาผู้บริหารมือดีที่จะมานั่งเก้าอีหลักกุมบังเหียนด้านธุรกิจของบริษัท การขยับจากการเป็นเว็บทดลองมาเป็นบริษัทอย่างเป็นทางการ ทำให้อีเบย์ต้องพบกับปัญหามากมายจากการเติบโตอย่างรวดเร็วเกินรับมือ เช่น มีข้อมูลมากเกินบนเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเกิดจากการเข้ามาประกาศขายสินค้าที่มาขึ้นทุกวัน
เขาต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการตัดสินใจขึ้นค่าธรรมเนียมประกาศขายสินค้ากว่าเท่าตัวจาก 10 เซ็นต์ เป็น 25 เซ็นต์ พร้อมๆ กับตั้งลิมิตห้ามประกาศขายสินค้าเกิน 10,000 ชิ้นต่อวัน ซึ่งแทนที่จะทำให้คนประกาศขายของน้อยลง ลูกค้าอีเบย์กลับยินดีจ่ายเพิ่ม และยอมตื่นเช้าขึ้นเพื่อแย่งกันโพสต์ของขึ้นขายก่อนคู่แข่ง ปีนั้นนับเป็นปีที่โหดเอาการทีเดียวสำหรับบริษัทที่เพิ่งแจ้งเกิดอย่างอีเบย์

มกราคม
1998

Margaret C. Whitman เปิดประตูเข้าสู่อีเบย์ในตำแหน่ง CEO

กุมภาพันธ์
1998

โอกาสที่ไม่เหมือนใครซึ่งอีเบย์มอบให้ทำให้เกิดการทุจริตขึ้นในวงการประมูลออนไลน์มากขึ้น อีเบย์จึงต้องรับมือด้วย Safe Harbor Program เพื่อป้องกันและปราบปรามการโกงในการติดต่อซื้อขาย

กันยายน
1998

อีเบย์จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน ราคาหุ้นของอีเบย์ที่กำหนดไว้ครั้งแรกคือ1.97 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ปัจจุบันราคาหุ้นอีเบย์มีราคาสูงขึ้นมากถึง 21 เท่า หรืออยู่ที่ราว 42 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น

เมษายน
1999

เริ่มโครงการ "Voice of the Customer" ซึ่งอีเบย์จะสปอนเซอร์ให้สมาชิก 10 รายจากทั่วสหรัฐอเมริกาบินไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ เพื่อพูดคุยกับผู้บริหารซึ่งเปรียบเสมือนการทำการวิจัย Focus Groups ชั้นดีของอีเบย์ซึ่งจะทำขึ้น 8 ครั้งต่อปีเพื่อนำข้อมูลมาพัฒนาเว็บไซต์และบริการของอีเบย์ต่อไป

10 มิถุนายน 1999

อีกวันที่อีเบย์จะต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ หลังจากเซิร์ฟเวอร์ของอีเบย์ล่มหยุดทำงานนาน 22 ชั่วโมง Meg Whitman CEO ของอีเบย์ต้องสั่งให้พนักงานบริษัททั้ง 400 คนในขณะนั้นหยุดทำงานทุกอย่าง เพื่อช่วยกันโทรศัพท์ไปขอโทษลูกค้าทุกรายด้วยตัวเอง การแก้ไขสถานการณ์ของซีอีโอ ได้รับคำนิยมและกล่าวขวัญถึงว่าการรับมือกับปัญหาที่สามารถชนะใจลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยม

สิงหาคม
1999

อีเบย์เห็นโอกาสของตลาดรถมือสองที่ค่อยๆ เพิ่มความเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนในอีเบย์ จึงตัดสินใจเพิ่ม Category เกี่ยวกับรถยนต์เก่าและอะไหล่ขึ้นอย่างเป็นทางการ

2000
ธุรกิจอีเบย์ส่วนมากในระยะนี้ทำกำไรให้เจ้าของธุรกิจแทบทุกรายอย่างงาม เนื่องจากค่าใช้จ่ายน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้ ทำให้ผู้ขายรายใหม่ๆ เริ่มมากขึ้น เกิดกระแสการหันมาขายของในอีเบย์แทนที่จะขายของเปิดท้าย หรือเปิด Garage Sale ในหมู่ชาวอเมริกัน


เมษายน
2000

ในที่สุด Category รถยนต์ในอีเบย์ก็กลายเป็น eBay Motors อย่างเต็มตัว

กรกฎาคม 2000

อีเบย์ซื้อธุรกิจอีคอมเมิร์ช Half.com ซึ่งเดิมขายหนังสือและซีดีที่ราคาถูกกว่าท้องตลาด ในรูปแบบ Fix-Price เพื่อขยายบริการของอีเบย์ ให้ครอบคลุมการซื้อขายทั้ง 2 รูปแบบ คือทั้ง ประมูล และ Fix-Price
ปัจจุบัน 27% ของการซื้อขายทั้งหมดของอีเบย์มาจากการซื้อขายแบบ Fix-Price ซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก16% และ ราวๆ 1% ในปีก่อนหน้านั้น

สิงหาคม
2000

เพื่อรับมือกับการพัฒนาอย่างรวดเร็วขณะที่ฟังก์ชั่นเพิ่มขึ้นทุกวัน เริ่มทำให้การใช้อีเบย์ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ อีเบย์ตัดสินใจสร้างระบบการให้ความรู้ลูกค้าอย่างเป็นทางการ ด้วยการเปิดตัว eBay University เพื่อให้บริการเรื่องการพัฒนาความรู้ความเข้าใจ และการเรียนรู้การใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ของอีเบย์โดยเฉพาะ รวมทั้งให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำธุรกิจอีเบย์ด้วย
หลังจากความสำเร็จของ Category รถยนต์ อีเบย์ก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อด้วยการเพิ่ม Category เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เข้าไปในประเภทสินค้า ซึ่งเป็นที่มาของ Rent.com ในปัจจุบัน โดยสามารถปิดการขายอสังหาริมทรัพย์ได้เฉลี่ย 25 รายการต่อวัน
หลังจากอีเบย์ประกาศเปิดพื้นที่ให้แก่การโฆษณาประเภท Banner Ad เหล่าสมาชิกอีเบย์ก็ตอบโต้ด้วยการประท้วงครั้งใหญ่ซึ่งถูกขนานนามว่า Million Auction March

มกราคม
2001

การเปิดให้ใช้ฟังก์ชั่น Buy It Now เป็นครั้งแรก เปิดโอกาสให้มีการซื้อขายอย่างรวดเร็วด้วยรูปแบบ Fix-Price ซึ่งปัจจุบัน 40% ของการประกาศขายสินค้าทั้งหมดใช้ฟังก์ชั่นนี้

กรกฎาคม
2001

เปิดตัวอีกทางเลือกของการขายในรูปแบบพื้นที่หน้าร้านออนไลน์ ในนามของ eBay Stores บริการเสริมที่อำนวยความสะดวกและเปิดโอกาสให้กับผู้ขายมากขึ้น ซึ่งมีผู้สมัครกว่า 30,000 รายในทันทีที่เปิดให้บริการ

กรกฎาคม
2002

อีเบย์ทุ่มงบซื้อหุ้นของระบบจ่ายเงินทางอินเทอร์เน็ต PayPal รวมมูลค่า $1.5 พันล้านเหรียญ เพื่อใช้เป็นบริการจ่ายเงินหลักของอีเบย์และเว็บไซต์ในเครือ

22 มิถุนายน 2004

อีเบย์ซื้อหุ้นของเว็บประมูลอินเดีย www.baazee.com รวมมูลค่า $50 ล้าน เพื่อรวมให้เป็นหนึ่งในเครือข่ายเว็บลูกทั่วโลกของอีเบย์

กันยายน
2004

อีเบย์ซื้อหุ้นจำนวน 3 ล้านหุ้น ในราคา 125,000 วอน หรือ $109 ต่อหุ้นจาก Internet Auction Co. เว็บประมูลซึ่งเป็นคู่แข่งหลักในเกาหลี

3 ธันวาคม 2004

พบกับอีกขั้นของการค้นหาสินค้า เมื่ออีเบย์เพิ่มฟังก์ชั่น Want It Now เพื่อช่วยผู้ซื้อหาสินค้าที่ยังไม่มีวางขาย ด้วยการ Search สินค้าที่ประกาศขายใหม่บนอีเบย์ทุกชิ้น ทุกวัน ตลอดหกเดือนและแจ้งกลับทันทีที่พบของที่ต้องการ

16 ธันวาคม 2004

อีเบย์ซื้อธุรกิจ Rent.com มาในราคา $415 ล้าน

มกราคม
2005

อีเบย์เกริ่นเรื่องการขึ้นค่าบริการเป็นครั้งที่ห้าในรอบอายุห้าปี ซึ่งหากเป็นไปตามที่ประกาศการขึ้นค่าบริการครั้งนี้จะเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์อีเบย์

19 มกราคม 2005
ปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นที่ตลาดหุ้น หลังจากอีเบย์ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการว่าในไตรมาสแรกบริษัทสามารถทำยอดขายและกำไรได้สูงขึ้น 44% แต่กลับทำให้ราคาหุ้นของอีเบย์ตกลงถึง 19% ในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากเป็นการเพิ่มขึ้นของยอดขายและกำไรที่ไม่มากเท่าที่นักลงทุนคาดหวัง หลายๆ คนพากันตั้งข้อสังเกตว่าอีเบย์อาจจะกำลังเข้าสู่ขาลง
แต่อีเบย์กลับโต้ตอบความตื่นตระหนกของนักลงทุนด้วยการตัดสินใจลงทุนเพิ่มขึ้นอีก 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ( สูงกว่าที่ตั้งไว้ถึงร้อยละ 50 ) ในธุรกิจใหม่ๆ เช่น PayPal และเว็บอีเบย์ในประเทศจีน

 18 กุมภาพันธ์ 2005
วันนี้คือวันที่การประกาศขึ้นค่าบริการครั้งล่าสุดของอีเบย์มีผลบังคับใช้ในที่สุด แม้ว่ามันจะทำให้สมาชิกอีเบย์ไม่พอใจ และพร้อมใจกันถอนตัวจากอีเบย์เป็นจำนวนมาก และผู้ใช้กว่า 24,000 รายก็ได้รวมตัวกันทำบัญชีหางว่าวเพื่อต่อต้านการขึ้นราคาครั้งนี้ด้วย เนื่องจากมันจะมีผลกระทบต่อผู้ใช้อีเบย์ทุกๆ ราย โดยเฉพาะผู้ที่มี Virtual Store อยู่บนอีเบย์ซึ่งจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้อีเบย์สูงถึง 8% จากเดิม 5.25% หลังการประกาศขึ้นค่าบริการของอีเบย์ มีการรายงานตัวเลขว่าร้านค้า eBay Stores นั้นได้พร้อมใจกันปิดตัวลงถึง 7,000 ร้านในเพียงเวลา 5 สัปดาห์
นักวิเคราะห์กล่าวว่าการขึ้นราคาค่าธรรมเนียมของอีเบย์นั้นจะสามารถเพิ่มรายได้ให้อีเบย์เพียง 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 1 จากยอดขายรวมที่คาดไว้ของปีนี้ที่ 4.3 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ในขณะที่การเพิ่มค่าธรรมเนียมจะเป็นเหตุให้จำนวนผู้ขายลดลง รวมทั้งทำให้ผู้ขายเก่าขาดความจงรักภักดีในแบรนด์อีเบย์ด้วย
แม้ว่าจะมีจำนวนผู้ที่เลิกใช้อีเบย์ไม่มากเท่าปากพูด เนื่องจากอีเบย์ยังคงเป็นพื้นที่การขายที่มีการเคลื่อนไหวสูง มีสมาชิกเข้าออก และใช้บริการสูงสุด จนคุ้มค่าจ่ายแพง แต่อีเบย์ก็ควรต้องระวังการพัฒนาของคู่แข่งอย่าง Amazon, Yahoo, Google , Google Search Engine Ad และ Overstock เว็บประมูลรายใหม่ที่กำลังมาแรงซึ่งอ้างว่าจำนวนการประกาศขายสินค้านั้นเพิ่มขึ้นพรวดพราดถึง 50% ทันทีที่อีเบย์ประกาศขึ้นราคาค่าธรรมเนียม
แม้ว่าในปัจจุบันประสบการณ์การถูกฉ้อโกงจากการซื้อขายจะเป็นอีกปัญหาหลักที่ทำให้ลูกค้าส่วนหนึ่งปฏิเสธที่จะซื้อขายผ่านอีเบย์ต่อไป แต่ถึงกระนั้นอีเบย์ก็ยังคงอ้างสถิติว่าในการซื้อขาย 200 ครั้ง จะมีน้อยกว่า 1 ครั้งที่ล้มเหลว และเกิดการโกงผ่านเครดิตการ์ดเพียง 0.09% เท่านั้น นอกจากนั้นอีเบย์ยังใช้พนักงานถึง 1,000 คน จากจำนวนพนักงานทั้งหมด 4,000 คนในปัจจุบัน เพื่อทำหน้าที่ปราบปรามการฉ้อโกงในการซื้อขาย
แต่ไม่ว่ากระแสวิพากษ์วิจารณ์อีเบย์จะเป็นเช่นไร เว็บไซต์ประมูลออนไลน์เจ้าใหญ่ที่สุดของโลกรายนี้ก็ยังสามารถทำยอดรวมในด้านต่างๆ ได้สูงกว่าคู่แข่งทุกรายแบบลอยลำ และยังมองว่าความสมบูรณ์ขึ้นของระบบอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ทั่วโลกในปีนี้จะทำให้ธุรกิจโดยรวมของอีเบย์ดีขึ้นอีกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะการประกาศขายจะสามารถพัฒนามาใช้รูปแบบของวิดีโอ และเสียงเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกและช่วยให้การตัดสินใจซื้อเป็นไปได้ง่ายขึ้นด้วย
eBay Facts & Figure
ปัจจุบันอีเบย์มีสมาชิกราว 135.5 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งเปรียบได้กับประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 11 ของโลก ในจำนวนนี้เป็นสมาชิกที่ใช้งานประจำราว 56.1 ล้านราย ในขณะที่ 264,000 รายมี eBay Store ของตัวเอง
ในปี 2004 มีสินค้าที่ประกาศขายบนอีเบย์ทั้งหมดประมาณ 1,400 ล้านชิ้น ขึ้นจาก 971 ล้านชิ้นในปี 2003 และมีสินค้าประกาศขายใหม่ประมาณ 3 ล้าน 5 แสนชิ้นต่อวัน ซึ่งสามารถแบ่งแยกหมวดหมู่ออกได้ถึง 45,000 หมวดหมู่
ในปี 2004 ที่ผ่านมาอีเบย์มียอดขายรวม $34,200 ล้าน ซึ่งคิดเป็นยอดขายประมาณ $1,084 ต่อหนึ่งวินาที ขึ้นมา 44% จากยอดขายรวมในปี 2003 ที่ $23,800 ล้าน และมีกำไรสุทธิ $3,270 ล้าน เพิ่มขึ้น 51% จากปีก่อน $ 2,170 ล้าน สินค้าที่ขายดีที่สุดในปี 2004 ได้แก่ รถยนต์ คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า และ เครื่องประดับ และ 46% ของจากยอดขายทั้งหมดเป็นการซื้อขายแบบข้ามชาติ
หลังจากจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนอีเบย์ก็สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นถึง 70% ได้ทุกปีเรื่อยมา ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเจริญเติบโตที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์วงการธุรกิจโลก กำไรโดยรวมที่สูงอยู่แล้วก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก 73% เมื่อสี่ปีที่แล้ว เป็น 82% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ในขณะที่ธุรกิจโดยรวมของอีเบย์ก็เติบโตอย่างรวดเร็วที่ 50% ต่อปี

eBay Myth : ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอีเบย์

- อีเบย์เป็นแหล่งขายสินค้าเก่าเท่านั้น ความจริง แล้วมีสินค้าใหม่มากมายบนอีเบย์ ตั้งแต่ CD หนังสือ เสื้อผ้า ไปจนถึง คอมพิวเตอร์ เครื่องตัดหญ้า และ รถยนต์

- อีเบย์เป็นพื้นที่การขายแบบประมูลเท่านั้น
ปัจจุบันสามารถซื้อขายสินค้าแบบ Fix-Price ได้ทันทีจากฟังก์ชั่น “Buy It Now” หรือ เข้าไปใช้บริการของ stores.ebay.com หรือ half.ebay.com


- อีเบย์ขายเฉพาะของสะสมเท่านั้น
ปัจจุบันอีเบย์มีสินค้าหลากหลายถึง 11 ประเภทใหญ่ๆ ไม่นับสินค้าเพื่อการสะสม ซึ่งมียอดขายลดลงจาก 60% ของยอดขายสินค้าทั้งหมดในปี 1999 เป็น 13% ในปี 2002 ในขณะที่สินค้าปกติ เช่น เครื่องอุปโภคบริโภค เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ เพิ่มจาก 40% ของยอดขายสินค้าทั้งหมดในปี 1999 เป็น 87% ในปี 2003




ebay.com คือ เว็บไซต์ให้บริการการประมูล ซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก การเปิดร้าน สร้างร้าน จัดสต๊อกสินค้า โดยลงทุนต่ำมาก มีผู้ซื้อและผู้ขายทำธุรกรรมจากทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง สถิติเมื่อสิ้นปี 2548 มียอดซื้อขายเกิดขึ้นจริงเป็นเงินถึง 56,000 ล้านบาท
ebay.com information

เว็บไซต์ของคนไทยแนะนำเกี่ยวกับ ebay เช่น gotoknow.org/blog/ebay, thaiebayuser.com, ebay.co.th, megabaht.com, siampoint.com
ผลวิเคราะห์ว่าสินค้าขายได้หรือไม่ โดย thaiebayuser.com หรือ จำนวนสินค้าจากเมืองไทยใน ebay กว่า 5000 รายการ
Marketplace Research มีค่าใช้จ่ายสำหรับรายงานนี้เริ่มต้นที่ $2.99/2 days (Pay-as-you-go. One time usage fee.)
สินค้าจากประเทศไทย ที่สามารถประมูลซื้อ-ขาย ได้มากที่สุด คือ หมวดเสื้อผ้า เครื่องประดับ และหมวดกีฬา โดยสินค้าประเภทเครื่องประดับ อัญมณี และนาฬิกา จะถูกประมูลขายไปทุก ๆ 27 วินาที ภายใน 1 นาที สามารถขายได้ 3 ชิ้น ส่วนหมดเสื้อผ้าเครื่องแต่งการสามารถขายได้ 56 วินาทีต่อชิ้น ใน 1 ชั่วโมงสามารถขายได้ 67 ชิ้น
กลุ่มสินค้าส่วนหนึ่งใน ebay.com ประกอบด้วย Antiques Art Baby Books Business & Industrial Cameras & Photo Cars, Boats, Vehicles & Parts Cell Phones & PDAs Clothing, Shoes & Accessories Coins & Paper Money Collectibles Computers & Networking Consumer Electronics Crafts Dolls & Bears DVDs & Movies Entertainment Memorabilia Gift Certificates Health & Beauty Home & Garden Jewelry & Watches Music Musical Instruments Pottery & Glass Real Estate Specialty Services Sporting Goods Sports Mem, Cards & Fan Shop Stamps Tickets Toys & Hobbies Travel Video Games ...

4 ขั้นตอน ในการขายบนอีเบย์ (ebay.com)
1.               ลงทะเบียน
- ลงทะเบียนเป็นสมาชิกอีเบย์
- การตั้งค่าแอคเคาน์ หรือรหัสผู้ขายอีเบย์
2.               ประกาศขาย
- เลือกรูปแบบการขาย
- เลือกหมวดหมู่
- กำหนดหัวข้อ (Title) สินค้าของคุณในการขาย
- เลือกทางเลือกสำหรับการประกาศขาย
- เขียนคำอธิบายสินค้าให้ดี
- การตั้งราคา
- ตั้งเวลาในการประมูล
- ให้ข้อมูลที่ตั้งของสินค้า
- เพิ่มรูปภาพของสินค้าของคุณ
- ทำให้สินค้าของคุณเด่นด้วยการเพิ่มจุดสนใจ
- การให้ข้อมูลการชำระเงิน
- การให้ข้อมูลการขนส่ง
3.               ส่งของ
- กำหนดวิธีการส่งของ (dhl.co.th, thailandpost.co.th, fedex.com/th)
4.               ชำระเงิน
- เลือกวิธีรับชำระเงิน


- สถิติสินค้าใน ebay ที่ขายได้สูงสุดคือ อัญมณี คือ 41%
- รองมาคือเสื้อผ้า 12%



 pramool





pramool.com


คือ เว็บไซต์ให้บริการประมูลสินค้า เป็นภาษาไทยที่มีคนไทยเข้าใช้มากที่สุดในกลุ่ม
Shopping ถึงวันละประมาณ 80,000 UIP

Current Record: Web Auction ระเบียนปัจจุบัน : ประมูลเว็บ

Web Auction is a si ประมูลเว็บเป็นศรี 
mple auction designed for organizations or individuals who want to hold an aucti ประมูล mple ออกแบบมาสำหรับองค์กรหรือบุคคลที่ต้องการที่จะถือ aucti 
on. เกี่ยวกับ It is not like Ebay in the sense that only admins can add products. มันไม่เหมือนอีเบย์ในความรู้สึกว่าผู้ดูแลระบบเท่านั้นที่สามารถเพิ่มผลิตภัณฑ์ Products ผลิตภัณฑ์ 
can have pictures, price, minimum bids, bid imcrements, and more. สามารถมีภาพ, ราคา, การเสนอราคาต่ำสุด, imcrements การเสนอราคาและอื่น ๆ




INTRODUCTION การแนะนำ

Setting up an auction with Web Auction is quick and simple. การตั้งค่าการประมูลที่มีการประมูลเป็นเว็บที่รวดเร็วและง่าย You can either host the auc tion on your own web server or set up your own auction on our servers for free. คุณสามารถโฮสต์ซึ่ง AUC บนเว็บเซิร์ฟเวอร์ของคุณเองหรือตั้งค่าการประมูลของคุณเองบนเซิร์ฟเวอร์ของเราได้ฟรี You have full control over your auction. คุณมีการควบคุมเต็มรูปแบบผ่านการประมูลของคุณ You can create your own categories, s et the start and end dates for your auction, select a custom header and footer, and enter the product categories that you want to have in your auction. คุณสามารถสร้างประเภทของคุณเอง, S et วันที่เริ่มต้นและสิ้นสุดสำหรับการประมูลของคุณให้เลือกหัวกระดาษและท้ายกระดาษที่กำหนดเองและใส่หมวดหมู่สินค้าที่คุณต้องการที่จะมีในการประมูลของคุณOnce the auction is installed and set up, you can begin adding products immedi ately. เมื่อการประมูลมีการติดตั้งและการตั้งค่าคุณสามารถเริ่มต้นการเพิ่มผลิตภัณฑ์ทันที ately Each product can have a minimum bid, open and close date, a photo, and a preferred bid increment associated with it. สินค้าที่แต่ละคนสามารถมีการเสนอราคาต่ำสุดวันที่เปิดและปิด, ภาพถ่าย, และเพิ่มการเสนอราคาที่ต้องการที่เกี่ยวข้องกับมัน
Users of your auction can browse the products that are up for auction and submit bids. ผู้ใช้การประมูลของคุณสามารถเรียกดูผลิตภัณฑ์ที่สำหรับการประมูลและยื่นเสนอราคา The winner will r eceive an email when the auction is closed with instructions on how to proceed. ผู้ชนะ r จะ eceive อีเมลเมื่อการประมูลจะปิดด้วยคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการ





Featuresคุณสมบัติ

Simple Administration Interface รูปแบบการบริหารงานง่าย

Web Auction includes a simple web-based administration console to control every asp ect of your auction from look & feel to user accounts. เว็บประมูลรวมถึงการที่เรียบง่ายคอนโซลการจัดการบนเว็บเพื่อการควบคุมทุก ASP ect การประมูลของคุณจากลักษณะและความรู้สึกไปยังบัญชีผู้ใช้
Start/End times เริ่มต้น / สิ้นสุดเวลา


You can choose a default start and end time for your auction. คุณสามารถเลือกเริ่มต้นเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดสำหรับการประมูลของคุณ These times wi ll be applied to all products added to the auction, however, you can override th ese times on a per-product basis also. Wi เหล่านี้ครั้งจะนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่เพิ่มให้กับการประมูล แต่คุณสามารถแทนที่ครั้งที่ความเร็วบนพื้นฐานต่อผลิตภัณฑ์ยัง


Bid Increments การเสนอราคาเพิ่มขึ้น
Specify bid increments (h ow much each successive bid should increase) on an auction-wide or per-product b asis. ระบุการเพิ่มการเสนอราคา (โอ๊ยชั่วโมงมากในแต่ละการเสนอราคาต่อเนื่องควรจะเพิ่มขึ้น) ในการประมูลกว้างหรือต่อผลิตภัณฑ์ - B เอเชีย
Brows e by Category e - คิ้วตามหมวดหมู่
You can create categories for your auction. คุณสามารถสร้างหมวดหมู่สำหรับการประมูลของคุณ You can a ssign zero or more categories to each product, and Users are able to browse the products in your auction by category. คุณสามารถ ssign เป็นศูนย์หรือมากกว่าหมวดหมู่ให้กับแต่ละผลิตภัณฑ์และผู้ใช้สามารถเรียกดูสินค้าในการประมูลของคุณตามหมวดหมู่
Product Images & Descriptions รูปภาพสินค้าและคำอธิบาย
You can upload an image and enter a description for each product. คุณสามารถอัปโหลดรูปภาพและป้อนคำอธิบายสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์
Watc h List รายชื่อ Watc H
Users can easily keep track of products on which they have pl aced bids by monitoring their watch list. ผู้ใช้สามารถติดตามของผลิตภัณฑ์ที่พวกเขามี aced PL การเสนอราคาโดยการตรวจสอบรายการเฝ้าดูของพวกเขา
Email Notifications หนังสือแจ้งทางอีเมล์
Users are no tified by email whenever they are outbid on a product. ผู้ใช้บริการจะ tified ไม่มีทางอีเมล์เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาจะประมูสสูงกว่าในผลิตภัณฑ์ Users are also notified when they win an auction. ผู้ใช้ยังจะได้รับแจ้งเมื่อพวกเขาชนะการประมูล Administrators can enable notification also to receiv e email when bids are placed and when auctions are closed. ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้งานการแจ้งเตือนไปยังอีเมล์ receiv e - เมื่อมีการวางการเสนอราคาและเมื่อการประมูลจะปิด
Administrative Reporting รายงานการบริหาร


Administrators can easily see the current status of the a uction by viewing Web Auction's administrative reports. ผู้ดูแลระบบสามารถดูสถานะปัจจุบันของการ uction โดยการดูรายงานผู้ดูแลเว็บประมูล







พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์

พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์

4.1 หลักการสำคัญของพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
           พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (The Thai Electronic Transactions Act) พ.ศ. 2540 เป็นกฎหมายที่ใช้บังคับแก่ธุรกรรมที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในการทำธุรกรรมโดยนำหลักการรับรองเอกสารอิเล็กทรอนิกส์มาจากกฎหมายแม่แบบว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Model Law on Electronic Commerce 1996) และลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Model Law on Electronic Signatures 2001) ของคณะกรรมการกฎหมายการค้าระหว่างประเทศสหประชาชาติ (United Nations Commissions on International Trade Law : UNCITRAL)
พระราชบัญญัติฯนี้ประกอบด้วย2ส่วน คือ
       
         4.1.1 หลักความเท่าเทียมกันระหว่างเอกสารในรูปแบบของกระดาษและข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Functional Equivalent Approach)
กฎหมายให้การรับรองสถานภาพทางกฎหมาย (Legal Status) แก่เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ให้มีสถานภาพทางกฎหมายเช่นเดียวกับเอกสารที่อยู่ในรูปแบบกระดาษ ในปัจจุบันนี้ ข้อความในอีเมล์ แม้จะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ แต่กฎหมายให้การรับรองสถานภาพทางกฎหมายเหมือนกับข้อความที่อยู่ในรูปแบบของกระดาษ
      
         4.1.2 หลักความเป็นกลางทางเทคโนโลยี (Technology Neutrality)
พระราชบัญญัตินี้จึงให้การรับรองสถานภาพทางกฎหมาแก่เทคโนโลยีใดๆก็ตามที่สามารถนำมาใช้ในการติดต่อสื่อสารหรือพิสูจน์เอกลักษณ์ของบุคคล (Identity Verification) รวมทั้งพิสูจน์ความถูกต้องแท้จริงของเอกสาร (Integrity) ซึ่งถือว่าเปิดช่องทางเพื่อรองรับเทคโนโลยีที่อาจจะมีการพัฒนาขึ้นในอนาคต (Leave rooms for future technologies)

4.2 ขอบเขตการบังคับใช้ (Scope of Applicability)
        
          A. ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
มาตรา3แห่งพระราชบัญญัติธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ บัญญัติว่า พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับกับธุรกรรมทางเพ่งและทางพาณิชย์ที่ดำเนินการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่จะได้รับการละเว้นโดยพระราชกฤษฎีกา นอกจานี้ยังใช้บังคับแก่การดำเนินงานของรัฐด้วย
อย่างไรก็ตามกฎหมายบัญญัติว่า หากมีพระราชกฤษฎีกากำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้พระราชบัญญัติบังคับ ก็สามารถยกเว้นได้ ซึ่งพระราชกฤษฎีกากำหนดยกเว้นไว้ 2 ธุรกรรม คือ ธุรกรรมเกี่ยวกับสิทธิในครอบครัว และมรดก โดยไม่ให้ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่นสัญญาหมั้น สัญญาก่อนสมรส การหย่า เพราะหากใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้พิสูจน์ได้ยาก หรือกรณีมรดก เช่น พินัยกรรมแบบเขียนเอง ผู้ทำพินัยกรรมจะต้องเขียนด้วยลายมือของตน และลงลายชื่อชื่อ ถ้านำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ก็ทำให้พิสูจน์ลายมือได้ยาก อีกทั้งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการโอนทรัพย์มรดกที่มีความสำคัญจึงไม่ให้ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์
      
         B กฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกา (E-Sign Act)
 กฎหมายลายมือชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศสหรัฐอเมริกาขยายขอบเขตของการยกเว้นการใช้บังคับของกฎหมายออกไป เช่น มาตรา 103 กำหนดว่า ไม่ให้นำกฎหมายว่าด้วยลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์มาใช้บังคับกับสัญญาหรือเอกสารใดๆที่เกี่ยวกับพินัยกรรม เอกสารประกอบพินัยกรรม การก่อตั้งกองทุน การรับบุตรบุญธรรม การหย่า ธุรกรรมที่เกี่ยวกับครอบครัว คำสั่งศาล การแจ้งเตือน คำร้อง คำให้การ และเอกสารอื่นๆในการพิจารณาคดี หนังสือแจ้งเตือนการให้บริการทางสาธารณูปโภค การประปา ไฟฟ้า เอกสารเกี่ยวกับการเร่งรัดการชำระหนี้ การยึดทรัพย์สิน การขายทอดตลาดทรัพย์สิน หนี้ที่เกี่ยวกับการจำนอง การขับไล่ การใช้สิทธิที่ได้รับการรักษาภายใต้สัญญา สัญญาเช่าบ้านหลัก เอกสารแจ้งการยกเลิกประกันสุขภาพหรือผลประโยชน์อื่นๆที่เกี่ยวกับการประกันชีวิต การเรียกสินค้าคืน และเอกสารที่จะต้องไปพร้อมกับการขนส่งสินค้าอันตราย
กฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะห้ามมีการส่งเอกสารโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ก็เนื่องจากว่าธุรกรรมเหล่านี้เป็นธุรกรรมที่เกี่ยวกับการเสียสิทธิ กฎหมายจึงต้องคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค เช่น หากยินยอมให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์ส่งเอกสารแจ้งเตือนการตัดสัญญาณ(Notice) โดยทางข้อความอิเล็กทรอนิกส์มาที่โทรศัพท์มือถือแล้ว แม้ตามกฎหมายไทย ผู้ประกอบการสามารถทำได้ แต่ตามกฎหมายสหรัฐอเมริกาผู้ประกอบการทำไม่ได้ ต้องส่งหนังสือแจ้งเตือน (Notice) เป็นจดหมาย เนื่องจากข้อความการแจ้งเตือนนั้นเป็นการตัดสัญญาโทรศัพท์มือถือ อันเป็นการแจ้งเตือนที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภค จะต้องทำในกระดาษห้ามใช้ระแบบอิเล็กทรอนิกส์

4.3 การรับรองสถานภาพทางกฎหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Legal Status of Electronic Documents)
          มาตรา 7 บัญญัติว่า ห้ามมิให้ปฏิเสธความมีผูกพันและการบังคับใช้ทางกฎหมายของข้อความใดเพียงเพราะเหตุข้อความนั้นอยู่ในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และการพิจารณาว่าเอกสารอิเล็กทรอนิกส์จะเข้าหลักเกณฑ์ว่ามีการทำเป็นหนังสือหรือไม่นั้น ตามมาตรา 8 บัญญัติว่า ภายใต้บังคับแห่งมาตรา9 กฎหมายกำหนดให้การใดต้องทำเป็นหนังสือ หรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือมีหลักฐานมาแสดง การจัดทำข้อความขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และนำกลับมาใช้ได้โดยที่ความหมายไม่เปลี่ยนแปลงแล้วให้ถือว่าข้อความนั้นได้ทำเป็นหนังสือหรือเอกสารเป็นหนังสือมาแสดงแล้วธุรกรรมที่กฎหมายบังคับว่าจะต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ แบ่งได้ดังนี้
1.       การใดที่กฎหมายกำหนดว่าต้องทำเป็นหนังสือ
2.       การใดที่กฎหมายกำหนดว่าต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน
3.       การใดที่กฎหมายกำหนดว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
หากสัญญาเหล่านี้มีการจัดทำขึ้นในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้าถึงได้ (Accessible) และนำกลับมาใช้โดนที่ความหมายไม่เปลี่ยนแปลง (Subsequently Display) แล้ว ก็ถือว่ามีการทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือแล้ว ตัวอย่างเช่น อีเมล์ที่มีข้อความเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินที่ทำในระบบคอมพิวเตอร์ หากผู้กู้ส่งอีเมล์จาก hotmail หรือ yahoo ไปถึงผู้ให้กู้ เมื่อพิมพ์แล้วจะถูกส่งเข้าไปยัง mail box ของผู้ให้กู้ ทุกครั้งที่ผู้ให้กู้จะอ่านข้อความก็สามารถดึงข้อความที่ส่งมาอ่านได้ นั้นก็คือสามารถเข้าถึงและเปิดอ่านได้ เมื่อเปิดอ่านข้อความในอีเมล์ ข้อความก็เหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง
สำหรับกรณีที่มีการทำสัญญากู้ในรูปไฟล์ข้อมูล (Word Format) ซึ่งปกติแล้วอาจมีการเพิ่มเติมหรือแก้ไขข้อมูลได้ แต่ถ้ามีการใช้ระบบ PDF ที่สามารถล๊อคไม่ให้มีการแก้ไขข้อมูลได้ (Locked File) กฎหมายก็ถือว่ามีการทำเป็นหนังสือแล้ว
เงื่อนไขของต้นฉบับ (Original Document) มาตรา 10 กำหนดว่า ในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้นำเสนอหรือเก็บรักษาข้อมูลในสภาพที่เป็นมาแต่เดิมอย่างเอกสารต้นฉบับ ถ้าได้นำเสนอหรือเก็บรักษาในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ ก็ถือว่าการนำเสนอหรือเก็บรักษาเอกสารตามกฎหมาย กล่าวคือ ต้องใช้วิธีการที่เชื่อถือได้ (Use reliable) ในการเก็บรักษาความถูกต้องของข้อความตั้งแต่การสร้างข้อความจนเสร็จสมบูรณ์และสามารถแสดงข้อความนั้นได้ภายหลัง โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆของข้อความ (Subsequently Display)
ในการพิจารณาว่า วิธีการที่ใช้เชื่อถือได้หรือไม่ ให้พิจารณาถึงสภาพความพร้อมใช้งานของทางเลือกในการระบุตัวบุคคล กฎเกณฑ์เกี่ยวกับกฎหมาย ระดับความมั่นคงปลอดภัยของการใช้งายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ การปฏิบัติตามหลักการในการระบุชื่อบุคคล ระดับของการยอมรับหรือไม่ยอมรับของวิธีการที่ใช้ระบุตัวผู้ทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ วิธีการระบุตัวบุคคลขณะทำธุรกรรม และติดต่อสื่อสาร   แนวทางดังกล่าวเป็นแนวทางให้ศาลพิจารณาว่าธุรกรรมนั้นเชื่อถือได้หรือไม่ แต่หลักสำคัญก็เพื่อพิจารณาว่าผู้ทำธุรกรรมเป็นตัวจริง (Identity) หรือไม่

4.4 การรับฟังพยานหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์ (Evidentiary Weight of Electronic Evidence)
          มาตรา 11 บัญญัติว่า ห้ามมิให้ปฏิเสธการรับฟังข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นพยานหลักฐานในกระบวนการตามกฎหมายในคดีแพ่ง คดีอาญาหรือคดีอื่นใด เพียงเพราะเหตุว่าเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จะเชื่อถือได้หรือไม่นั้น ให้พิเคราะห์ถึงความน่าเชื่อถือของลักษณะ หรือวิธีการสร้าง การเก็บรักษาหรือการสื่อสารข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ลักษณะหรือวิธีการเก็บรักษาความครบถ้วนและการไม่มีเปลี่ยนแปลงของข้อมูล ลักษณะหรือวิธีการที่ใช้ในการระบุตัวผู้ส่ง (Authentication) นอกจานี้ยังให้น้ำความในวรรคหนึ่งนั้นมาใช้บังคับกับสิ่งพิมพ์จากข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
หลักตามมาตรา11 เป็นหลักการเดียวกับมาตรา 7 โดยกฎหมายห้ามมิให้บุคคลใดรวมถึงศาลที่จะปฏิเสธไม่รับฟังข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยเหตุที่ว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์ในกระบวนการพิจารณาคดีอาญาแพ่ง หรือคดีอื่นๆใด ศาลจะปฏิเสธไม่ยอมรับฟังข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ หากว่าข้อความนั้นไม่น่าเชื่อถือ (Unreliable) แต่การพิสูจน์ว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เชื่อถือได้หรือไม่ ศาลต้องพิจารณาถึงวิธีการสร้าง การเก็บรักษา การสื่อสาร รวมถึงพฤติการณ์อื่นๆ หลักการพิจารณาดังกล่าวยังนำไปปรับใช้กับสิ่งพิมพ์ที่พิมพ์ออกมา เช่น สลิปเอทีเอ็ม

4.5 การแสดงเจตนาในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Offer and Acceptance)
          การแสดงเจตนาในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ มาตรา 13 กำหนดว่า คำเสนอหรือคำสนองในการทำสัญญาอาจจะทำในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ และห้ามมิให้มีการปฏิเสธการการมีผลทางกฎหมายของสัญญาเพียงแต่ว่าคำเสนอคำสนองนั้นทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ กฎหมายให้การรับรองว่าคำเสนอคำสนองอาจจะกระทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อความในอีเมล์ (E-mail) ข้อความทางโทรศัพท์มือถือ (SMS) ข้อความที่ติดต่อกันทางโปรแกรม MSN, Yahoo, Camfrog ไฟล์ข้อมูลที่ส่งผ่านเสียงโดยระแบบ Bluetooth หรือข้อความเสียงที่มีการบันทึกไว้ทางโทรศัพท์หรือเครื่องรับฝากข้อความ (Voice Mail)
นอกจากนี้ มาตรา 14 ยังกำหนดให้ การแสดงเจตนาหรือคำกล่าวสามารถทำในรูปแบบทางอิเล็กทรอนิกส์ได้

4.6 ข้อมูลซ้ำกัน (Double Transactions)
          มาตรา 18 กำหนดว่า ผู้รับข้อมูลย่อมจะถือว่าข้อมูลที่ได้รับเป็นข้อมูลที่แยกจากกันและสามารถดำเนินการไปตามข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แต่ละชุดได้ เว้นแต่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะซ้ำกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อีกชุดหนึ่งซึ่งผู้รับจะได้รู้อยู่แล้ว หากใช้ความระมัดระวังตามสมควร กรณีนี้อาจจะเกิดขึ้นได้โดยผู้ประกอบการหรือเว็ปไซค์คิดค่าสินค้าหรือค่าบริการทางอินเตอร์เน็ต จำนวน 2 ครั้ง สำหรับการทำรายการขายสินค้าหรือบริการรายการเดียว เช่น คำสั่งซื้อครั้งที่2 สมบูรณ์ส่งผ่านไปได้ แต่ผู้ประกอบการหรือเว็ปไซค์ คิดว่าบริการสำหรับคำสั่งที่1 ด้วยซึ่งเป็นคำสั่งที่ไม่สมบูรณ์ เมื่อส่งคำสั่งที่ 2 จึงเป็นข้อมูลซ้ำกัน ดังนั้นในกรณีนี้ผู้ประกอบการจะคิดค่าบริการ 2ครั้งมิได้ เพราะผู้ประกอบการก็ทราบอยู่แล้วว่าคงไม่มีใครจะสมัครเป็นสมาชิกเพื่อจะได้พาสเวิร์ด 2 อัน ซึ่งผู้ประกอบการควรได้รู้ว่าคำสั่งนี้เป็นข้อมูลที่ซ้ำกับข้อมูลแรก เนื่องจากผู้ทำธุรกรรมคือบุคคลเดียวกัน หมายเลขบัตรเครดิตเลขเดียวกันสินค้าที่ต้องการก็คือการได้รับ Password ฉะนั้นไม่มีเหตุผลใดเลยที่ผู้สมัครจะต้องจ่ายเงินถึง2ครั้งในสินค้าอันเดียวกัน

4.7เวลาที่ถือว่ามีการส่งและรับข้อมูล (Time of Dispatching and Receiving)
          มาตรา 22 กำหนดว่า การส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือว่าได้มีการส่งเมื่อข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้เข้าสู้ระบบข้อมูลที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้ส่งข้อมูล เช่น การส่งข้อความทางอีเมล์เมื่อกด Send แล้วด้านล่างขวาของหน้าจอจะปรากฎไฟสีเขียวที่แสดงว่า ข้อมูลกำลังถูกส่งไป ถ้าไฟเขียวยังไม่เต็มแท่ง แสดงว่าข้อมูลอยู่ระหว่างการส่ง ถ้าต้องการหยุด หรือ ยกเลิก โดยการกด Stop เพราะว่าข้อมูลยังไปไม่หมด กรณีนี้ ถือว่าข้อมูลยังอยู่ในความควบคุมของผู้ส่ง ยังไม่ถือว่าส่ง แต่ถ้าไฟสีเขียวขึ้นจนเต็มและหน้าจอแสดงข้อความว่า Sent แสดงว่าอีเมล์นั้นได้ส่งออกจากระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ส่งไปแล้ว และไม่สามารถจะยกเลิก (Cancel) หรือ หยุด (Stop) การส่งข้อมูลได้
ตามมาตรา 23 กำหนดว่า การรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของผู้รับข้อมูล หมายความว่า หากอีเมล์ถูกส่งเข้าไปใน Mail box ของผู้รับแล้ว กฎหมายถือว่าผู้รับได้รับอีเมล์แล้ว แม้ผู้รับจะยังไม่ได้เข้าไปใน Mailbox และเปิดอ่านก็ตาม

4.8 สถานที่รับและส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Place of Sending and Receiving Electronic Messages)
          มาตรา 24 บัญญัติว่า การส่งหรือการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือว่าได้ส่ง ณ ที่ทำการงานของผู้ส่งข้อมูล หรือ ได้รับ ณ ที่ทำการงานของผู้รับข้อมูล แล้วแต่กรณี
 ในกรณีที่ผู้ส่งข้อมูลหรือผู้รับข้อมูลมีที่ทำการงานหลายแห่ง ให้ถือเอาที่ทำการงานที่เกี่ยวข้องมากที่สุดกับธุรกรรมนั้นเป็นที่ทำการงานเพื่อประโยชน์ตามวรรคหนึ่ง แต่ถ้าไม่สามารถกำหนดได้ว่าธุรกรรมนั้นเกี่ยวข้องกับที่ทำการงานแห่งใดมากที่สุด ให้ถือเอาสำนักงานใหญ่เป็นสถานที่ที่ได้รับหรือส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น
ในกรณีที่ไม่ปรากฏที่ทำการงานของผู้ส่งข้อมูลหรือผู้รับข้อมูล ให้ถือเอาถิ่นที่อยู่ปกติเป็นสถานที่ที่ส่งหรือได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
ความในมาตรานี้มิให้ใช้บังคับกับการส่งและการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยวิธีการทางโทรเลขและโทรพิมพ์ หรือวิธีการสื่อสารอื่นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
มรการพิจารณาสถานที่รับหรือส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น มีผลต่อการพิจารณาว่าสัญญาเกิดขึ้นที่ใด (Where the contract is made) หรือมูลคดี (Cause of Action) เกิดขึ้นที่ใด อันจะทำให้คู่กรณีสามารถทราบได้ และ หากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นก็จะสามารถจะนำคดีไปฟ้องยังศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเหนือข้อพิพาทนั้นได้
เนื่องจากอินเตอร์เน็ตเป็นโลกที่ไร้พรมแดน ไร้ขอบเขต และไร้ตำแหน่งที่อยู่ที่แน่นอน  ดังนั้นกฎหมายจึงกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาสถานที่รับและส่งโดนคำนึงถึง สถานที่ทำการงาน (Place of Business) หรือสถานที่ประกอบการของผู้รับและผู้ส่งก่อน โดยไม่ต้องพิจารณาว่าตามความจริงผู้ส่งและผู้รับข้อมูลจะมีภูมิลำเนาหรืออยู่ที่ใดในขณะที่ส่งหรือรับขอมูลนั้น
ในกรณีผู้ส่งและผู้รับมีที่ทำการหลายแห่ง อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่สามารถกำหนดได้ว่าธุรกรรมนั้นเกี่ยวข้องกับที่ทำการใดมากที่สุด ก็ถือให้สำนักงานใหญ่ (Head Office) เป็นที่รับหรือส่งข้อมูลนั้นเป็นหลัก
นอกจานี้ กรณีที่ไม่ปรากฏที่ทำการงานหลักของผู้ส่งหรือผู้รับข้อมูล ให้ถือเอาถิ่นที่อยู่ปกติเป็นสถานที่ส่งหรือรับข้อมูลนั้น เช่น ผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว ประกอบอาชีพนักธุรกิจอิสระ (Freelance) ซึ่งไม่มีสถานที่ประกอบการเป็นหลักแหล่ง กฎหมายให้ถือเอาถิ่นที่อยู่ปกติของเขาเป็นที่ส่งและรับข้อมูล